เมนูหลัก
นกแอ่นกินรัง
คัมภีร์ฟาร์มรังนก
ฟาร์มรังนก
ฟาร์มรังนก
ลิงค์ไปหมวดหมู่บทความ
สมาชิกเข้าสู่ระบบ
User Name
Password
จำการล็อกอินของฉันไว้
เข้าสู่ระบบ
ลืมรหัสผ่าน?
สมัครสมาชิก
Toggle navigation
Home
ABOUT US
Our_History
History
Vision
Mission
VALUES
ALITTA_LUXURY_CONDO
Alitta_Asean_Swiftlet_Museum
ALITTA_Engineering
AlittaGreenAlliance (AGA)
EsanAuction
The_One_Medical_Hub.
Know-How
เทคโนโยี่การเพาะเลี้ยงนกแอ่นกินรังขาว ในลักษณะฟาร์ม
เทคนิคการเรียกนกแอ่นกินรังขาวให้เข้านอนในฟาร์มรังนกในวันแรก
เทคนิคการเพิ่มจำนวนนก ในระยะเวลาสั้น
เทคนิคการกระตุ้นนกนางแอ่นกินรังขาวให้ทำรัง - การฟักไข่
เทคนิค ภายใน 100 วัน มีรังนก 100 รัง
เทคโนโลยี่การออกแบบฟาร์มเพาะเลี้ยงนกนางแอ่นกินรังขาว
ทำไมการออกแบบฟาร์มรังนกต้องใช้นวัตกรรม ?
ออกแบบด้วยนวัตกรรมลดภาวะโลกร้อน
เทคโนโลยีการออกแบบระบบฟสร์มรังนก
การออกแบบการสร้างความชื้นเทียม
เทคโนโลยีการพัฒนาคุณภาพรังนก
การเพิ่มผลผลิตรังนก ด้วยเทคโนโลยี FIoT
Member
การใช้งาน
สิทธิประโยชน์ของระบบสมาชิก
สมาชิกระดับ เมมเบอร์ (Member)
สมาชิกระดับ ซิลเวอร์ (Silver)
สมาชิกระดับ โกลด์ (Gold)
สมาชิกระดับ ไดมอนด์ (Diamond)
สมาชิกระดับ แพลทินัม (Platinum)
แจ้งอัพเกรดสมาชิก
Seminar
สร้างฟาร์มรังนกหลังแรก (หลักสูตรออนไลน์)
สร้างฟาร์มรังนกให้เป็นนวัตกรรม (หลักสูตรออนไลน์)
ผู้ประกอบการฟาร์มรังนกหน้าใหม่
เทคนิคการสร้างฟาร์มรังนก
CRF-JUNIOR
CRF-SENIOR
โครงการปรัชญาดุษฎีบัณฑิตทางเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรมฟาร์มรังนก
วิธีการชำระเงิน
จองอบรมฯ
เมนูหลัก
นกแอ่นกินรัง
คัมภีร์ฟาร์มรังนก
ฟาร์มรังนก
ฟาร์มรังนก
ลิงค์ไปหมวดหมู่บทความ
สมาชิกเข้าสู่ระบบ
User Name
Password
จำการล็อกอินของฉันไว้
เข้าสู่ระบบ
ลืมรหัสผ่าน?
สมัครสมาชิก
สถาบันส่งเสริมและพัฒนาฟาร์มรังไทย Thailand Incitement and Development
Thailand Incitement and Development For Swiftlet Farming Institute
สถาบันส่งเสริมและพัฒนาฟาร์มรังไทย Thailand Incitement and Development
นกนางแอ่นกินรังขาว คือ อะไร
ในประเทศไทยมีนกแอ่น 12 สายพันธุ์ รังนกที่มีมูลค่าคือรังของ นกแอ่นกินรัง (Edible-Nest Swiftlet) ซึ่งในประเทศไทยมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด คือ
🚀 นกแอ่นกินรัง (Collocalia fuciphaga, Gmelin)
🚀 นกแอ่นกินรังตะโพกขาว (C. germanni, Oustalet)
🚀 นกแอ่นหางสี่เหลี่ยมหรือนกแอ่นรังดำ (C. maxima, Hume)
🎯
มาทำความเข้าใจเรื่องนกแอ่นกับนางแอ่นอีกสักครั้ง เดิมเรียกกันอย่างกว้างขวางว่านกอีแอ่น ซึ่งรวมเอานกสองกลุ่มที่แตกต่างกันอย่างมากเข้าไว้ด้วยกัน ก็คือ swift และ swiftlet กับนกอีแอ่นประเภท swallow และ martin ที่มีรูปลักษณ์ภายนอกและท่าทางในการบินคล้ายกัน ข้อแตกต่างที่สำคัญบางประการ เช่น นกประเภทแรกมีตีนที่กำไม่ได้ จึงไม่อาจเกาะกิ่งไม้หรือสายไฟได้ดังนกประเภทหลัง มันจะใช้ตีนเกี่ยวไว้ได้เท่านั้น และนกประเภทแรกยังมีปีกรูปทรงยาวเรียว ดูคล้ายกับเคียวเกี่ยวข้าว ต่อมาคนไทยในยุคสมัยหนึ่งเกิดความรังเกียจคำว่า "อี" ขึ้นมา โดยหาว่าเป็นคำไม่สุภาพ ทำให้สัตว์นานาชนิดที่คำว่า "อี" นำหน้าต้องถูกถอดออกหรือเปลี่ยนเป็น "นาง" ที่ฟังดูสุภาพกว่า ด้วยเหตุดังกล่าว จึงได้กลายเป็นนกแอ่น (swift และ swiftlet) กับนกนางแอ่น (swallow และ martin) ในปัจจุบัน
นกนางแอ่นกินรังเดิมจัดอยู่ ในสกุล Collocalia และต่อมาเปลี่ยนเป็นสกุล Aerodramus เนื่องจากมีความสามารถในการเปล่งคลื่นเสียงออกมาใช้ในการบินในถ้ำได้ มีอยู่ด้วยกัน 26 ชนิด มีการกระจายตั้งแต่เกาะในด้านทิศตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย ทั่วทั้งบริเวณตอนใต้ของทวีปเอเชียถึงประเทศฟิลิปปินส์ กลุ่มเกาะอินโด-ออสเตรเลีย จนถึงประเทศออสเตรเลียตอนเหนือและหมู่เกาะแปซิฟิกตะวันตกและหมู่เกาะแปซิฟิก ตะวันตกเฉียงใต้ ขนาดลำตัวยาวประมาณ 7.5-13 เซนติเมตร มีปีกยาว 110-118 มิลลิเมตร น้ำหนักตัว 8-9.5 กรัม ขนลำตัวมักมีสีน้ำตาลคล้ำด้านๆ จนถึงสีดำเป็นมัน ปีกยาวปลายแหลม เหมาะแก่การหากินในอากาศ หางสั้นปลายตัดหรือแยกเป็นสองแฉก ออกหากินตามปรกติในเวลากลางวัน มีสายตาที่เฉียบคมแลเห็นได้ดีในช่วงเวลาแสงสลัวๆ
🎯
นกนางแอ่นกินรังอินเดียมีรายงานว่าหากินในเวลากลางคืน โดยอาศัยแสงไฟฟ้าตามบ้านเรือนและตามถนน ก่อนรุ่งสางฝูงนกจะเริ่มรวมกลุ่มบินวนเวียนอยู่บริเวณปากถ้ำ ก่อนบินเรียงตามกันเป็นทิวยาวออกหากินตลอดทั้งวัน ทั่วไปเป็นบริเวณกว้างขวาง มักหากินอยู่ตามลำพังตัวเดียว ตอนเช้าจะบินหากินไปเหนือระดับยอดไม้ของป่าดงดิบ ยามเที่ยงถึงบ่ายที่แสงอาทิตย์แรงกล้าขึ้นทุกทีๆ มันจะอาศัยมวลอากาศร้อนที่เกิดขึ้นบินวนสูงหายลับไปจากสายตา พอถึงตอนบ่ายอ่อนๆ นกจะบินกลับลงมาจากอากาศเบื้องบนมุ่งไปยังแหล่งน้ำขนาดใหญ่ อาจจะเป็น แม่น้ำ อ่างเก็บน้ำ หรือแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งมันจะบินเลียดต่ำลงเฉี่ยวกินน้ำหรืออาบน้ำด้วยท่วงท่าบินร่อนที่สวยงาม ปีกทั้งสองชูขึ้นเหนือแผ่นหลังพร้อมบิดหัวลงต่ำแล้วอ้าปากกว้าง ให้หยดน้ำเข้าสู่ปาก หลัง จากนั้นจะมาบินรวมฝูงกันบริเวณปากถ้ำตอนพลบค่ำ ก่อนที่จะบินกลับเข้าถ้ำด้วยอาหารเต็มกระเพราะ มุ่งผ่านความมืดมิดเข้าสู่บริเวณรังหรือจุดเกาะพักนอนเพื่อพักผ่อนยามราตรี ก่อนจะเริ่มออกหากินอีกครั้งในตอนย่ำรุ่งของวันต่อไป
🎯
อาหารหลักของนกแอ่นกินรัง ได้แก่ พวกมดมีปีกและแมลงเม่า คิดเป็น 99% ของปริมาณอาหารทั้งหมด นอกนั้นเป็นพวกแมลงขนาดเล็กๆ เช่น แตนเปียนฝอย แตนไทร เพลี้ย และแมลงวัน มันจะปั้นอาหารในกระเพราะเป็นก้อนกลมๆ แต่ละก้อนมีน้ำหนักโดยเฉลี่ย 0.57 กรัม มีแมลงอยู่โดยเฉลี่ยราว 500 ตัว โดยทั่วไปมีจำนวนแมลงตั้งแต่ 100 ตัว - มากกว่า 1,200 ตัว ได้มีการคาดคะเนไว้ว่านกแอ่นกินรัง จำนวนประมาณ 4,500,000 ตัว ในถ้ำแห่งหนึ่งในเกาะบอร์เนียว กินแมลงได้วันหนึ่งๆ ประมาณ 5,000 กิโลกรัม ประกอบตัวแมลงประมาณ 100,000,000 ตัว ด้วยปริมาณแมลงจำนวนมหาศาลเช่นนี้ทำให้มีผลกระทบต่อระบบนิเวศโดยรอบมากที เดียว
🎯
นกแอ่นกินรังทำรังอยู่ร่วมกันในถ้ำเป็นกลุ่มใหญ่ ทั้งในถ้ำริมทะเลและถ้ำตามเทือกเขาหินปูน บางครั้งที่ตั้งของรังอยู่ลึกจากปากถ้ำมากกว่า 400 เมตร นอกจากนี้ ยังทำรังในอาคารบ้านเรือนบางหลัง และในวัดอีกด้วย รังนกจะทำบนผนังถ้ำที่เอนเข้าด้านใน ส่วนใหญ่รังนกติดอยู่กับผนังผิวเรียบที่มีลักษณะเว้าและมีแนวสันเล็กๆ พาดผ่านหลายสัน การทำรังวางไข่ของนกแอ่นกินรัง มีกิจกรรมการวางไข่ สูงสุดเป็นสองระยะ ระยะแรกในเดือนตุลาคม-ธันวาคม ระยะที่สองในเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน แตกต่างกันไปในระหว่างนกแอ่นกินรังในด้านทะเลอันดามัน กับนกแอ่นกินรังในด้านอ่าวไทย ขึ้นอยู่กับการการเริ่มต้นของฤดูมรสุม การสร้างรังใช้เวลานานหนึ่งเดือน เริ่มกกไข่ตั้งแต่วางไข่ฟองแรก วางไข่เพียง 2 ฟอง แต่ละฟองทิ้งระยะเวลาห่างกันประมาณ 3 วัน ระยะฟักไข่นาน 20-26 วัน ระยะเติบโตในรังนาน 37-49 วัน
🎯
นกที่ทำรังในถ้ำที่ มืดสนิท เวลาบินมีการส่งเสียงดังคลิ๊กๆ เป็นระยะ เป็นระบบใช้คลื่นเสียงสะท้อนเหมือนกับพวกค้างคาวใช้ในการจับเหยื่อ แต่นกแอ่นกินรังใช้คลื่นเสียงสะท้อนเพื่อหลบหลีกอุปสรรคในถ้ำ โดยเปล่งเสียงออกไปและรับเสียงสะท้อนกลับมาสู่หูเพื่อวิเคราะห์เส้นทางที่จะ บินผ่าน นอกจากนี้ยังทำให้นกบินออก และกลับสู่ถ้ำได้ในเวลาค่ำ จึงมีเวลาบินออกไปหากินไกลจากถ้ำได้มากกว่านกชนิดอื่นที่ต้องกลับที่พักนอน ในช่วงเวลาที่มีแสงสว่างเท่านั้น
🎯
คลื่นเสียงนี้แตกต่างจาก คลื่นเสียงของค้างคาวที่มีความถี่สูงเกินที่มนุษย์จะได้ยินได้ คลื่นเสียงของนกแอ่นกินรังช่วงคลื่นที่ได้ยินได้ดังเป็นเสียงคลิ๊กๆ ถี่เป็นชุดๆ มีความถี่ตั้งแต่ 1-2 กิโลเฮิรตซ์ ถึง 7-16 กิโลเฮิรตซ์ เวลาบินในถ้ำนกจะส่งเสียงต่อเนื่องกันไปในอัตรา 3-20 คลิ๊กต่อวินาที อัตราจะถี่สูงขึ้นตอนจะลงเกาะ หรือมีสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้า เชื่อว่านกทำเสียงโดยใช้ลิ้นเหมือนพวกค้างคาวบัว(Rousettus spp.) หรือทำเสียงดังโดยใช้บางส่วนของหลอดเสียงก็เป็นได้ แต่จะทำได้ในขณะที่นกอ้าปากเท่านั้น
🎯
รังนกที่ใช้ปรุงเป็น อาหารหรือยาบำรุงร่างกายทำด้วยน้ำลาย ซึ่งเป็นสารเมือกเหนียวสร้างมาจากต่อมใต้ลิ้นคู่หนึ่ง ไม่ทำหน้าที่ในการย่อยอาหาร ต่อมคู่นี้มีขนาดพองตัวขึ้นอย่างมากในฤดูทำรัง เมื่อแห้งแล้วสารนี้ละลายได้ยากในน้ำหรือแม้แต่ในกรดหรือด่างอ่อนๆ เป็นการปรับตัวให้สามารถในการทำรังเชื่อมติดอยู่กับผนังถ้ำในสภาพชื้นโดย ตลอดของถ้ำได้ดี เป็นสารประเภท mucoprotein มีองค์ประกอบดังนี้ น้ำ 9% โปรตีน 32.3% คาร์โบไฮเดรด 38.7% และพวกเถ้าอนินทรีย์ 20% ในกลุ่มของโปรตีนยังมีกรดอะมิโนจำนวน 17 ชนิด ในปริมาณต่างๆกัน อีกทั้งยังมีแร่ธาตุ เช่น กำมะถัน และฟอสฟอรัส อีกในปริมาณเล็กน้อย
🎯
ใน ปัจจุบันรังนกจัดเป็นสินค้าที่มีราคาสูงมากอย่างไม่น่าเชื่อ รังนกชั้นหนึ่งเกรดเอ มีราคากิโลกรัมละหลายหมื่น-แสนบาท
🎯
แต่การจัดเก็บรังนกมีการให้สัมปทานแก่เอกชนเป็นรายๆในแต่ละพื้นที่ อันเป็นการที่รัฐอนุญาตให้เอกชนจัดทำผลประโยชน์เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ภายในระยะเวลาและตามเงื่อนไขที่รัฐกำหนด ได้แก่ บริเวณเกาะในเขตจังหวัดตราด ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สตูล ตรัง ภูเก็ต และ พังงา นอกจากนี้ยังมีปลูกอาคารสูงตามชายทะเลเพื่อล่อให้นกแอ่นกินรังเข้ามาทำรัง วางไข่ในหลายบริเวณ โดยเฉพาะในเขต อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จนเกิดคดีฟ้องร้องกับผู้ที่ได้รับสัมปทานในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงว่าเป็น การละเมิดสัมปทานหลายรายแล้ว เรื่องนี้นับว่ายากต่อการตัดสินเพราะพิสูจน์ความจริงได้ไม่ง่ายเลย
🎯
นกนางแอ่นกินรังเป็นนกขนาดเล็กบินเร็ว มีขนาดประมาณ 12 ซ.ม. ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ อาศัยทำรังอยู่ภายในถ้ำบนเกาะเล็กเกาะน้อยชายฝั่งทะเล ใช้น้ำลายทำรังเพื่อวางไข่ มีฤดูกาลสืบพันธุ์ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายนของทุกปี แต่ห้วงเวลาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ปกตินกเพศเมียจะเป็นผู้สร้างรังโดยลำพัง เว้นรังที่สามซึ่งนกเพศผู้และเพศเมียจะช่วยกันสร้าง นกจะสร้างรังในเวลากลางคืนและใช้เวลาประมาณ 1 เดือน รังมีรูปเป็นถ้วยครึ่งซีก เมื่อแห้งและแข็งตัวจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับวุ้นเส้นที่อัดตัวกันแน่น โดยตัวรังจะตรึงติดอยู่กับผนังถ้ำหรือภายในผนังอาคารสิ่งก่อสร้างที่นกอาศัยอยู่
นกนางแอ่นสามารถบินได้ 55 ไมล์ หรือ 89 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเชื่อกันว่านกแอ่นกินรังอายุ 3 ปี จะสร้างรังได้ดีที่สุด จะวางไข่ 2 ฟองต่อรัง โดยจะฟักไข่ในเวลากลางคืน ไข่จะฟักออกเป็นตัวในเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ และเมื่อลูกนกอายุประมาณ 6 สัปดาห์ก็จะบินออกจากรังได้
🎯
นกนางแอ่นกินรังเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดเดียวที่มีพฤติกรรมสร้างรังทดแทน กล่าวคือ นกจะสร้างรังใหม่ทดแทนรังที่ถูกเก็บเกี่ยวหรือรังที่ถูกทำลายก่อนที่จะวางไข่ แต่หลังจากที่นกวางไข่แล้ว แม้รังถูกทำลายหรือถูกเก็บเกี่ยวไป นกจะไม่สร้างรังทดแทนอีก
รังแรกจะเริ่มสร้างประมาณเดือนกุมภาพันธ์ รังที่ 2 สร้างประมาณกลางเดือนมีนาคม และรังที่ 3 สร้างประมาณกลางเดือนเมษายน นกบางตัวเท่านั้นที่จะสร้างรังที่ 4 แม้จะเก็บเกี่ยวหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้ามีการเก็บเกี่ยวรังที่ 4 ก็สามารถที่จะสร้างรังที่ 5 และ6 ทดแทนได้ ผสมพันธุ์ปีละ 3 ครั้งในกลางเดือนมกราคม,ต้นเดือนพฤษภาคม,กลางเดือนสิงหาคม เมื่อผสมพันธุ์แล้วจะรีบทำรังทันที ออกไข่ครั้ง 1-2 ฟอง กกไข่และเลี้ยงลูกจนรอดชีวิตในระยะเวลา 3 เดือน จากนั้นก็จะบินออกจากรังไปหาอาหารตั้งแต่ตีห้าไปจนพลบค่ำ
พ่อและแม่นกสร้างรังด้วยน้ำลายเป็นสีขาวลักษณะเหมือนถ้วยนำหนักรังเฉลี่ย 8 กรัม ใช้เวลาสร้าง 30 -45 วัน หลังสร้างรังเสร็จ จะผสมพันธ์ในเวลากลางคืนคืน จากนั้น 5 วันจะเริ่มวางไข่ใบแรกและวันที่ 8 จะวางไข่ใบที่ 2 (ครั้งละ 2 ฟอง) นำหนัก 1.2 กรัม ไข่จะฟักในเวลา 21-29 วัน 1สัปดาห์หลังจากการฟัก ขนจะเริ่มขึ้น และอายุ 2 สัปดาห์จะเริ่มเกาะรังพ่อและแม่นกจะหาอาหารมาให้ จนลูกนกมีขนขึ้นเต็มเมื่ออายุ 45 วัน (อัตราการรอดของนกที่อาศัยตามถ้าธรรมชาติ 20 % แต่อัตราการรอดของนกที่อาศัยตามบ้านนกหรือคอนโดนกมีถึง 64.4 % ) พร้อมเริ่มผสมพันธ์ เมื่ออายุ 8 เดือนผสมพันธ์ปีละประมาณ 3 ครั้ง มีชีวิตได้ถึง 12-15 ปี ถ้ามีการเก็บรังก่อนที่จะวางไข่ พ่อและแม่นกจะสร้างรังขึ้นใหม่และเลื่อนการวางไข่ออกไป (ใน 1 ปีจะได้รัง 2-3 รัง / 1 คู่)
เกร็ดความรู้
🌟 นกแอ่นสามารถพบเห็นเกือบทุกภาคของไทย
🌟 นกแอ่นสามารถบินครอบคลุมพื้นที่ 50 กิโลเมตรได้อย่างง่ายดาย
🌟 นกแอ่นมีความจำที่ยอดเยี่ยม สามารถบินกลับสู่รังของตัวเองในที่มืดได้อย่างแม่นยำ 🌟 ทั้งที่มีรังนกแอ่น อื่นๆอีกเป็นพันๆรัง
🌟 นกแอ่นออกจากรังหรือที่เกาะเพื่อออกหาอาหารเวลาประมาณ 5.30 น.- 6.30 น. และ กลับประมาณ 18.15 น. - 19.15 น.
🌟 นกแอ่นบางตัวจะกลับรังประมาณ 12.00 น. เพื่อให้อาหารลูกอ่อน ขณะที่นกแอ่นบางส่วนกกไข่
🌟 นกแอ่นจับคู่กันตลอดกาล เป็นที่รู้จักกันดีถึงความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อคู่รัก
🌟 นกแอ่นทั้งตัวผู้และตัวเมียต่างช่วยกันทำรังจากน้ำลาย โดยใช้ช่วงเวลากลางคืนทำรัง
🌟 นกแอ่นทั้งตัวผู้และตัวเมียต่างช่วยกันกกไข่ โดยสลับหน้าที่กัน
🌟 นกแอ่นมีศัตรูที่สำคัญ ได้แก่ งู ค้างคาว เหยี่ยว หนู ตุ๊กแก แมลงสาป
สถาบันส่งเสริม และพัฒนาฟาร์มรังนกไทย
เกี่ยวกับเรา
ประวัติความเป็นมาสถาบันฯ
วิสัยทัศน์
ค่านิยม
พันธกิจของเรา
แจ้งอัพเกรดสมาชิก / จองอบรมฯ
บริษัทในเครือของเรา
อลิตตาลักซ์ซูรี คอนโด และ คอนโดฟาร์มรังนก
อลิตตาเอ็นจิเนียริ่ง
อลิตตา Ai แอฟฟิลิเอท อินฟลูเอนเซอร์
Alitta Asean Swiftlet Museum
Alitta Green Alliance ( AGA )
Esan Auction
The One Medical Hub
ช่องทางติดต่อเรา
Facebook
Instragram
ActsThai65@gmail.com
09 2828 3964
Copyright © www.actsthai.com 2025